ความสำเร็จหลัก ๆ ของ ริตสึเรียว

การปกครอง

ครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีการริเริ่มระบบโคกูงุงริ (国郡里制) ซึ่งให้แบ่งประเทศออกเป็นเขตปกครองต่าง ๆ คือ

  • กูนิ (国) แบ่งออกเป็น กุง หรือโคริ
  • กุง หรือโคริ (郡) แบ่งออกเป็น ริ หรือซาโตะ ราว 2–20 แห่ง
  • ริ หรือซาโตะ (里) ประกอบด้วยบ้านเรือน 50 หลังคาเรือน

ครั้น ค.ศ. 715 มีการนำระบบโกริ (郷里制) มาใช้ ทำให้เกิดการแบ่งเขตดังนี้

  • กูนิ แบ่งออกเป็น กุง หรือโคริ
  • กุง หรือโคริ แบ่งออกเป็น โก ราว 2–20 แห่ง
  • โก (郷) ประกอบด้วยบ้านเรือน 50 หลังคาเรือน และแบ่งออกเป็น ริ หรือซาโตะ
  • ริ หรือซาโตะ มักประกอบด้วยบ้านเรือนราว 10–25 หลังคาเรือน

ระบบนี้ล้มเลิกไปใน ค.ศ. 740

การรวมศูนย์อำนาจ

ระบบริตสึเรียวกำหนดให้มีรัฐบาลกลาง มีจักรพรรดิเป็นประมุข และมีหน่วยงานสองส่วน คือ

  • จิงงิกัง (神祇官) รับผิดชอบด้านศาสนจักร
  • ไดโจกัง (太政官) รับผิดชอบด้านอาณาจักร แบ่งออกเป็นกระทรวง 8 กระทรวง

การจัดตั้งตำแหน่งราชการ

มีการใช้ระบบลำดับตำแหน่งราชการที่เรียกว่า "คัง" (官) หรือ "คันโชกุ" (官職) ซึ่งแบ่งตำแหน่งราชการออกเป็น 30 ขั้น เรียกว่า "อิ" (位) หรือ "อิไก" (位階) โดยวางระเบียบเคร่งครัดว่า ตำแหน่งใดควรมีขั้นใด การจัดขั้นนี้โดยมากแล้วอิงความดีความชอบ ไม่เกี่ยวกับการสืบตระกูล บุตรหลานของข้าราชการชั้นสูงบางทีก็มีขั้นต่ำ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่อยู้ในกฎหมายของราชวงศ์ถัง แต่ระบบริตสึเรียวของญี่ปุ่นไม่อิงการสืบตระกูล

ขั้นสูงสุด คือ ขั้น 1 เรียกว่า "อิจิอิ" (一位) ไล่ลงมาจนถึงขั้น 8 เรียก "ฮะจิอิ" (八位) เป็นขั้นของข้าราชสำนัก มีเอกสิทธิ์หลายประการ ถัดลงจากนี้ไปเป็นขั้นที่เรียกว่า "โซอิ" (初位) มีสิทธิเพียงบางอย่าง[4]

ขั้นสูงสุดหกขั้นแรก ถือกันว่า เป็นอภิสิทธิชนอย่างแท้จริง (true aristocracy) ซึ่งเรียกว่า "คิ" (貴) แบ่งออกเป็นชั้นผู้ใหญ่ เรียก "โช" (正) และชั้นผู้น้อย เรียก "จุ" (従)[5] เช่น ขั้น 3 ชั้นผู้ใหญ่ เรียกว่า "โชซันมิ" (正三位) หรือขั้น 2 ชั้นผู้น้อย เรียก "จูนิอิ" (従二位) ขั้นที่ถัดลงมาจากขั้น 3 ยังแบ่งออกเป็นลำดับสูง เรียกว่า "โจ" และลำดับล่าง เรียกว่า "เกะ" (下) เช่น ขั้น 4 ชั้นผู้น้อย ลำดับล่าง เรียก "จูชิอิโนะเกะ" (従四位下) หรือขั้น 6 ชั้นผู้ใหญ่ ลำดับสูง เรียก "โชโระกูอิโนะโจ" (正六位上) การเลื่อนขั้นมักเป็นไปทีละเล็กทีละน้อยตามระบบราชการ และในช่วงแรกที่ใช้ระบบริตสึเรียวนี้ จะไม่มีการเลื่อนจนถึงขั้น 6 เว้นเป็นกรณีพิเศษ จึงทำให้เกิดเส้นแบ่งเป็นกลุ่มอภิสิทธิชน (ขั้น 5 ขึ้นไป) เรียกว่า "คิโซกุ" (貴族) กับกลุ่มชั้นล่าง (ขั้น 6 ลงมา) เรียกว่า "จิเงะ" (地下)[4]

เมื่อได้เลื่อนขั้น รายได้ในรูปแบบข้าวที่เรียกเก็บจากกูนิต่าง ๆ มีหน่วยวัดเป็นโคกุ (石, 1 โคกุ = ประมาณ 150 กิโลกรัม) ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งไปด้วย ข้าราชการขั้น 6 จะได้ข้าวราว 22 โคกุต่อปี แต่ขั้น 5 อาจได้ถึง 225 โคกุต่อปี ส่วนขั้น 3 อาจได้มากถึง 6,957 โคกุต่อปี[4]

นอกจากนี้ ยังมีระบบทำสำมะโนประชากร เรียกว่า "โคเซกิ" (戸籍) ปรับปรุงทุกหกปี และมีการทำรายงานภาษีรายปี เรียกว่า "เคโจ" (計帳) ทั้งมีการตั้งระบบภาษีโดยอิงรายงานเคโจนี้ เรียกว่า "โซโยโจ" (租庸調) เพื่อเรียกเก็บภาษีเป็นข้าว หรือธัญพืช รวมถึงผลิตผลอื่น ๆ จากท้องถิ่น (เช่น ฝ้าย, เกลือ, เยื่อกระดาษ ฯลฯ) ส่งเข้าสู่เมืองหลวง

ระบบริตสึเรียวยังให้มีการเกณฑ์แรงงานในระดับกูนิ โดยอาศัยคำสั่งของผู้ปกครองกูนิที่เรียกว่า "โคกูชิ" (国司) ส่วนในเมืองหลวง ก็มีการเกณฑ์แรงงาน และเกณฑ์ทหาร แต่สามารถส่งส่วยแทนแรงงานได้

กฎหมายอาญา

มีการใช้ระบบกฎหมายอาญาที่วางโทษไว้ห้าระดับ เรียกว่า "โกเก" (五刑) คือ

  • เฆี่ยน เรียกว่า "ชิ" (笞) เป็นการเฆี่ยนตีที่สะโพก 10, 20, 30, 40, หรือ 50 ที แล้วแต่ผิดหนักผิดเบา
  • เฆี่ยนต่อหน้าธารกำนัล เรียกว่า "โจ" (杖) เป็นการเฆี่ยนตีทีสะโพก 60, 70, 80, 90, หรือ 100 ที ในที่สาธารณะ แล้วแต่ผิดหนักผิดเบา โดยใช้อุปกรณ์เฆี่ยนที่หนักกว่ากรณีชิ
  • จำคุก เรียกว่า "ซุ" (徒) มีกำหนด 1, 1.5, 2, 2.5, หรือ 3 ปี แล้วแต่ผิดหนักผิดเบา
  • เนรเทศ เรียกว่า "รุ" (流) แบ่งเป็น เนรเทศใกล้ เรียกว่า "คนรุ" (近流), เนรเทศกึ่งทางไกล เรียกว่า "ชูรุ" (中流), และเนรเทศไกล เรียกว่า "อนรุ" (遠流) แล้วแต่ผิดหนักผิดเบา
  • ประหาร เรียกว่า "ชิ" (死) แบ่งเป็น แขวนคอ เรียกว่า "โค" (絞) และตัดหัว เรียกว่า "ซัง" (斬) แล้วแต่ผิดหนักผิดเบา

ด้านอาญา ยังมีการกำหนดความผิดอาญาหนักแปดประการ เรียกว่า "ฮาจิเงียกุ" (八虐) ซึ่งจะเว้นโทษมิได้ เรื่องนี้ได้ต้นแบบมาจากฉือเอ้อ (十惡; "สิบชั่ว") ในกฎหมายของราชวงศ์ถัง แต่เอาความผิดสองประการ คือ การสร้างความแตกแยกในครอบครัว และการสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ครอบครัว (เช่น การคบชู้สู่ชาย, เพศสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้อง ฯลฯ) ออก จึงเหลือแปดประการ

วรรณะ

ระบบริตสึเรียวให้แบ่งประชาชนออกเป็นสองวรรณะ คือ เรียวมิง" (良民) กับเซ็นมิง (賤民) แต่ละวรรณะต้องใช้เสื้อผ้าที่มีสีตามวรรณะ

เรียวมิงแบ่งออกเป็นสี่วรรณะย่อย และเซ็นมิงแบ่งออกเป็นห้าวรรณะย่อย กลุ่มเซ็นมิงนี้แทบเทียบเท่าทาส

ใกล้เคียง