เมนูนำทาง
ริตสึเรียว ความสำเร็จหลัก ๆครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีการริเริ่มระบบโคกูงุงริ (国郡里制) ซึ่งให้แบ่งประเทศออกเป็นเขตปกครองต่าง ๆ คือ
ครั้น ค.ศ. 715 มีการนำระบบโกริ (郷里制) มาใช้ ทำให้เกิดการแบ่งเขตดังนี้
ระบบนี้ล้มเลิกไปใน ค.ศ. 740
ระบบริตสึเรียวกำหนดให้มีรัฐบาลกลาง มีจักรพรรดิเป็นประมุข และมีหน่วยงานสองส่วน คือ
มีการใช้ระบบลำดับตำแหน่งราชการที่เรียกว่า "คัง" (官) หรือ "คันโชกุ" (官職) ซึ่งแบ่งตำแหน่งราชการออกเป็น 30 ขั้น เรียกว่า "อิ" (位) หรือ "อิไก" (位階) โดยวางระเบียบเคร่งครัดว่า ตำแหน่งใดควรมีขั้นใด การจัดขั้นนี้โดยมากแล้วอิงความดีความชอบ ไม่เกี่ยวกับการสืบตระกูล บุตรหลานของข้าราชการชั้นสูงบางทีก็มีขั้นต่ำ ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่อยู้ในกฎหมายของราชวงศ์ถัง แต่ระบบริตสึเรียวของญี่ปุ่นไม่อิงการสืบตระกูล
ขั้นสูงสุด คือ ขั้น 1 เรียกว่า "อิจิอิ" (一位) ไล่ลงมาจนถึงขั้น 8 เรียก "ฮะจิอิ" (八位) เป็นขั้นของข้าราชสำนัก มีเอกสิทธิ์หลายประการ ถัดลงจากนี้ไปเป็นขั้นที่เรียกว่า "โซอิ" (初位) มีสิทธิเพียงบางอย่าง[4]
ขั้นสูงสุดหกขั้นแรก ถือกันว่า เป็นอภิสิทธิชนอย่างแท้จริง (true aristocracy) ซึ่งเรียกว่า "คิ" (貴) แบ่งออกเป็นชั้นผู้ใหญ่ เรียก "โช" (正) และชั้นผู้น้อย เรียก "จุ" (従)[5] เช่น ขั้น 3 ชั้นผู้ใหญ่ เรียกว่า "โชซันมิ" (正三位) หรือขั้น 2 ชั้นผู้น้อย เรียก "จูนิอิ" (従二位) ขั้นที่ถัดลงมาจากขั้น 3 ยังแบ่งออกเป็นลำดับสูง เรียกว่า "โจ" และลำดับล่าง เรียกว่า "เกะ" (下) เช่น ขั้น 4 ชั้นผู้น้อย ลำดับล่าง เรียก "จูชิอิโนะเกะ" (従四位下) หรือขั้น 6 ชั้นผู้ใหญ่ ลำดับสูง เรียก "โชโระกูอิโนะโจ" (正六位上) การเลื่อนขั้นมักเป็นไปทีละเล็กทีละน้อยตามระบบราชการ และในช่วงแรกที่ใช้ระบบริตสึเรียวนี้ จะไม่มีการเลื่อนจนถึงขั้น 6 เว้นเป็นกรณีพิเศษ จึงทำให้เกิดเส้นแบ่งเป็นกลุ่มอภิสิทธิชน (ขั้น 5 ขึ้นไป) เรียกว่า "คิโซกุ" (貴族) กับกลุ่มชั้นล่าง (ขั้น 6 ลงมา) เรียกว่า "จิเงะ" (地下)[4]
เมื่อได้เลื่อนขั้น รายได้ในรูปแบบข้าวที่เรียกเก็บจากกูนิต่าง ๆ มีหน่วยวัดเป็นโคกุ (石, 1 โคกุ = ประมาณ 150 กิโลกรัม) ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างยิ่งไปด้วย ข้าราชการขั้น 6 จะได้ข้าวราว 22 โคกุต่อปี แต่ขั้น 5 อาจได้ถึง 225 โคกุต่อปี ส่วนขั้น 3 อาจได้มากถึง 6,957 โคกุต่อปี[4]
นอกจากนี้ ยังมีระบบทำสำมะโนประชากร เรียกว่า "โคเซกิ" (戸籍) ปรับปรุงทุกหกปี และมีการทำรายงานภาษีรายปี เรียกว่า "เคโจ" (計帳) ทั้งมีการตั้งระบบภาษีโดยอิงรายงานเคโจนี้ เรียกว่า "โซโยโจ" (租庸調) เพื่อเรียกเก็บภาษีเป็นข้าว หรือธัญพืช รวมถึงผลิตผลอื่น ๆ จากท้องถิ่น (เช่น ฝ้าย, เกลือ, เยื่อกระดาษ ฯลฯ) ส่งเข้าสู่เมืองหลวง
ระบบริตสึเรียวยังให้มีการเกณฑ์แรงงานในระดับกูนิ โดยอาศัยคำสั่งของผู้ปกครองกูนิที่เรียกว่า "โคกูชิ" (国司) ส่วนในเมืองหลวง ก็มีการเกณฑ์แรงงาน และเกณฑ์ทหาร แต่สามารถส่งส่วยแทนแรงงานได้
มีการใช้ระบบกฎหมายอาญาที่วางโทษไว้ห้าระดับ เรียกว่า "โกเก" (五刑) คือ
ด้านอาญา ยังมีการกำหนดความผิดอาญาหนักแปดประการ เรียกว่า "ฮาจิเงียกุ" (八虐) ซึ่งจะเว้นโทษมิได้ เรื่องนี้ได้ต้นแบบมาจากฉือเอ้อ (十惡; "สิบชั่ว") ในกฎหมายของราชวงศ์ถัง แต่เอาความผิดสองประการ คือ การสร้างความแตกแยกในครอบครัว และการสร้างความเสื่อมเสียให้แก่ครอบครัว (เช่น การคบชู้สู่ชาย, เพศสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้อง ฯลฯ) ออก จึงเหลือแปดประการ
ระบบริตสึเรียวให้แบ่งประชาชนออกเป็นสองวรรณะ คือ เรียวมิง" (良民) กับเซ็นมิง (賤民) แต่ละวรรณะต้องใช้เสื้อผ้าที่มีสีตามวรรณะ
เรียวมิงแบ่งออกเป็นสี่วรรณะย่อย และเซ็นมิงแบ่งออกเป็นห้าวรรณะย่อย กลุ่มเซ็นมิงนี้แทบเทียบเท่าทาส
เมนูนำทาง
ริตสึเรียว ความสำเร็จหลัก ๆใกล้เคียง
แหล่งที่มา
WikiPedia: ริตสึเรียว http://202.231.40.34/jpub/pdf/jr/IJ1508.pdf http://openlibrary.org/books/OL6961540M/early_inst... //www.worldcat.org/oclc/41967280 http://www.worldcat.org/title/early-institutional-... http://www.worldcat.org/title/nipon-o-dai-itsi-ran... https://books.google.com/books?id=18oNAAAAIAAJ&dq=... https://books.google.com/books?id=K1MuAAAAYAAJ&dq=... https://www.worldcat.org/oclc/41967280